ความเป็นมา / ความสำคัญของภูมิปัญญา
“ ข้าวควบ ” ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542ได้ให้ความหมายไว้ว่า “ข้าวเกรียบใส่น้ำตาลอ้อย มีรสหวานอย่างข้าวเกรียบว่าว” ข้าวควบ เป็นอาหารว่างที่นิยมรับประทานกันมาก ลักษณะคล้ายขนมทองม้วน รสหวานกรอบ แต่พองและแผ่นใหญ่กว่า
ส่วนประกอบ
/ เครื่องปรุ่ง
1. ข้าวเหนียว 2 ลิตร
2. น้ำอ้อย 300 กรัม
3. น้ำตาลปิ๊ป 500 กรัม
4.ใบตอง
5. ไข่ 3 ฟอง
6. ไม้กลม
7.
น้ำมัน
8. น้ำ
อุปกรณ์
ครกมอง (ครกกระเดื่อง) ไม้กลมนวดแป้ง หญ้าคาที่เป็นตับ ไม้ไผ่มือเสือ ตะกร้าสานใบใหญ่ แผ่นไม้กระดานนวดแป้ง
วิธีทำ
1. นำข้าวเหนียวแช่น้ำ
ไว้ประมาณ 6 – 10 ชั่วโมง แล้วนำมานึ่งให้สุก
2.นำไปตำในมอง (ครกกระเดื่อง) ให้เมล็ดข้าวแตกละเอียด จนมีลักษณะเหมือนแป้งขนมเทียนสุก
3. ผสมไข่ น้ำอ้อย น้ำตาลปิ๊บ ลงตำในครก ระหว่างที่ตำแป้งให้ใช้มือคนในครกแป้ง
และผสมน้ำลงไปพอประมาณ เพื่อให้แป้งเหนียว จนได้ที่แล้วปั้นเป็นก้อน ๆ ขนานเท่าลูกมะนาว
4. ใช้น้ำมันหมูทาแผ่นไม้กระดาน หรือใบตอง ( อาจใช้พลาสติกแทนได้ )ใช้ไม้กลมคลึงก้อนแป้งให้เป็นแผ่นบาง ๆ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 - 8 นิ้ว ใช้ไข่ขาวทาแผ่นแป้งทั้ง 2 หน้า
5. นำวางบนหญ้าคาที่เตรียมไว้ ตากแดดหรือลมให้แห้ง ประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง
ในระหว่างที่ตากแผ่นแป้งให้พลิกเพื่อกลับด้าน แล้วเก็บเรียงซ้อนกัน
6. นำไปผิงไฟโดยวางลงบนไม้ไผ่มือเสือ ใช้ไฟอ่อน ๆ ข้าวควบจะพองขยายใหญ่ ผิงไฟให้เหลือง นำใส่ในตะกร้าไม้ไผ่สานที่เตรียมไว้ ควรรองด้วยผ้าพลาสติกแผ่นใหญ่คลุมกันถูกลม หรืออาจนำไปทอดกับน้ำมันร้อน
เพื่อนำมารับประทาน หรือเป็นของว่าง
ประโยชน์ของภูมิปัญญา
ข้าวควบ ยังมีอยู่ในวิถีชีวิตของชาวอำเภอเชียงกลาง เป็นอาหารว่างที่มีราคาไม่แพง และปลอดจากสารพิษ เกิดจากภูมิปัญญาของบรรพบุรุษที่สืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้ ทั้งยังเป็นการสร้างอาชีพและรายได้ให้แก่ชุมชน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น